มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า (Lake Maracaibo)

ดินแดนต้องคำสาป ทะเลสาบแห่งสายฟ้า ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) 

มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า(Lake Maracaibo)

ทะเลสาบแห่งสายฟ้า สถานที่แห่งนี้อยู่ในประเทศเวเนซูเอล่า เป็นทะเลสาบที่เกิดฟ้าแลบหรือฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก ด้วยความน่ากลัวของฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เราคงไม่ต้องพูดถึงเสียงของมัน น่าจะมีผลกระทบทางด้านจิตใจมากกว่าทำให้เสียชีวิต แต่แน่นอน การเกิดขึ้นบ่อยๆในแถบทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไคโบ ถ้าหากว่าไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆอาจเกิดอาการขวัญผวาได้
ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ( Venezuela’s Catatumbo Lightning phenomenon ) เกิดขึ้นที่บริเวณปากแม่น้ำคาตาตัมโบ Catatumbo ช่วงรอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ Lake Maracaibo ประเทศเวเนซูเอลาในทวีปอเมริกาใต้


ผู้สนับสนุน

มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า(Lake Maracaibo)
ทะเลสาบมาราไคโบเป็นที่รู้จักกันมานานกับการเกิดฟ้าผ่า ฟ้าแลบ  และปีก่อนหน้านี้ก็มีการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็นจุดที่มีอันตรายเกี่ยวกับไฟฟ้ามากที่สุดในโลก แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ข้อมูลใหม่ล่าสุดที่ถูกนำเสนอโดยราเชล อัลเบรทแห่งมหาวิทยาลัยเซาเปาโล สามารถชี้ตำแหน่งที่แม่นยำซึ่งดึงดูดสายฟ้าฟาดปริมาณมหาศาลในทะเลสาบ โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมที่บันทึกโดยอุปกรณ์บันทึกภาพซึ่งไวต่อแสง (Light Imaging Sensor หรือ LIS) จากดาวเทียม “อัลเบรชท์” ของนาซ่า สามารถที่จะกำหนดตำแหน่งของฟ้าผ่าที่มีความแม่นยำมากขึ้นกว่าที่เคย ดาวเทียมนี้โคจรรอบโลกที่ความสูง 402 กิโลเมตร (250 ไมล์) อุปกรณ์บันทึกภาพของดาวเทียมที่มีความสามารถในการบันทึกภาพความละเอียดสูงที่มีความถูกต้องภายใน 0.1 องศาละติจูด

มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า(Lake Maracaibo)

การวิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกไว้โดยอุปกรณ์บันทึกภาพซึ่งไวต่อแสงระหว่างปี 1998 และ 2013 ที่ดาวเทียมอัลเบรทและทีมงานประจำดาวเทียมก็สามารถระบุได้ว่าจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบมาราไคโบไปยังแม่น้ำคาตาตัมโบเป็นจุดที่ฟ้าผ่าได้ง่ายมากที่สุดในโลก
และเหตุผลที่เกิดสภาพภูมิอากาศแปรปรวนนี้สามารถอธิบายว่า เนื่องจากภูมิประเทศของเนซูเอลาพื้นที่โดยรอบบริเวณนั้น การตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีส และยังอยู่ใกล้กับทะเลแคริบเบียน ทำให้ทะเลสาบนี้ได้รับอิทธิพลทั้งจากสายลมอบอุ่นจากทะเลและอากาศเย็นจากภูเขา ซึ่งเมื่อสองสิ่งนี้มาปะทะกัน ก็จะทำให้อากาศแปรปรวนจนเกิดพายุเป็นผลให้ทะเลสาบมีแนวโน้มที่จะได้สัมผัสกับฟ้าผ่าอันน่าสะพรึงจำนวนหลายครั้ง  และการเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone)ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone
in the world.)
โดยพื้นที่บริเวณนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าโดยเฉลี่ยปีละ 140 –160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ทำให้บริเวณ ทะเลสาบ Maracaibo ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพายุฟ้าผ่าไม่มีวันจบสิ้น
แสงที่เกิดจากสายฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะ 400 กิโลเมตร ทำให้นักเดินเรือสมัยโบราณเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประภาคาร มาราไคโบ (Lighthouse of Maracaibo)
มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า(Lake Maracaibo)

ในปี ค.ส 1595 กองเรืออังกฤษนำทัพโดย เซอร์ ฟรานซิส เดร็ก (Sir Francis Drake) ถึงกับต้องยุติแผนลอบเข้าโจมตึเมืองมาราไคโบ Maracaibo
เนื่องจากแสงจากสายฟ้าที่เกิดตลอดเวลาทำให้กองทัพสเปนเห็นกองเรืออังกฤษตั้งแต่ระยะไกล
จริงๆแล้วมีปรากฎการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น โคลัมเบียColombia,
อินโดนีเซียIndonesia และ อูกานดา Uganda แต่จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ
ไม่ต่อเนื่องยาวนานแบบที่เกิดขึ้นบริเวณ ทะเลสาบคาราไคโบแห่งนี้

Comments

Popular posts from this blog

แบนชี (BANSHEE)

GOBLIN

เทพแห่งมหาสมุทร โพไซดอน (Poseidon)